รีวิวเกม Star Wars The Force Unleashed หนึ่งในเกมซีรีส์ Star Wars ที่ประสบความสำเร็จพอสมควรในอดีต
รีวิวเกม Star Wars The Force Unleashed หนึ่งในเกมซีรีส์ Star Wars ที่ประสบความสำเร็จพอสมควรในอดีต ก็ต้องมีชื่อของ Star Wars The Force Unleashed ที่ออกวางขายในยุค PS3 , Xbox360 ในปี 2008 และขายดีถึงขนาดมีภาคต่ออกมาในปี 2010 แม้จะห่างหายไปนานแต่แฟน ๆ น่าจะเคยเล่นและจดจำได้บ้าง
และหากคุณจำได้ Star Wars The Force Unleashed วางขายบนคอนโซลแทบทุกเครื่องในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหลักอย่าง PS3 , Xbox360 และยังออกบน PS2 , PSP รวมทั้งบน NDS หรือแม้แต่บน NGage ก็มีการออกเวอร์ชันพิเศษให้ด้วย
แต่การเอามาขายใหม่ของค่าย EA ครั้งนี้หยิบยกเอาภาค Wii มาปัดฝุ่นขายใหม่บน Nintendo Switch ทำให้น่าแปลกใจไม่น้อยเพราะสเปกของ Switch สามารถเอาภาคบน PS3 มาลงได้สบายแต่กลับเลือกเวอร์ชัน Wii ที่อ่อนด้อยกว่ามากมาลง
ส่วนเรื่องราวในภาคนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นมาก ๆ เพราะเล่าเรื่องผ่าน “Starkiller” ลูกศิษย์ลับของ Darth Vader ที่แอบซ่อนไว้เพื่อทำภารกิจล้มล้างจักรวรรดิ โดยเหตุการณ์ในช่วงก่อน Star Wars EP4 และมีการอ้างอิงถึงตัวละครดังในซีรีส์เพียบ เรียกว่าเอาใจแฟน ๆ
หนังสงครามอวกาศแบบจัดเต็ม อย่างไรก็ตามเวอร์ชัน Wii ที่ย้ายมาลง Nintendo Switch มีข้อเสียที่การเล่าเรื่องไม่สามารถทำได้ดี เพราะมันมีคัทซีนที่แตกต่างกับบน PS3 มากทำให้การเดินเรื่องดูจืดชืดไปหน่อย
กราฟิก
ตามที่บอกไปตั้งแต่แรกว่า Star Wars The Force Unleashed บน Switch คือเวอร์ชัน Wii ทำให้กราฟิกโดยรวมทั้งหมดมีรายละเอียดที่เชยมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานยุคนี้ ทุกอย่างเหมือนเกมที่วางขายในช่วงต้นยุค 2000S เท่านั้น ตัวละครยังดูเหลี่ยม ๆ ความละเอียดไม่ได้สูง แต่ยังดีที่การเอามาขายใหม่ภาพมีความคมชัดขึ้นเล็กน้อย ทำให้พอจะมีความแตกต่างจากต้นฉบับบ้าง แต่โดยรวมเหมือนกับเกมบน PS2 เท่านั้น ดังนั้นคอเกมที่ชอบกราฟิกงาม ๆ ที่เพิ่งผ่านการเล่น Jedi Fallen Order ขอให้หลีกห่างเกมนี้
ยังดีที่ดนตรีประกอบยังคงเอาของต้นฉบับ ที่ยกเพลงธีมจากภาพยนตร์ Star Wars ที่แต่งโดย John Williams มาปรับให้เข้ากับฉากของเกม อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มีการกำกับบทและการเล่าเรื่องได้ดีเทียบเท่ากับเวอร์ชัน PS3 , XBox360 ทุกอย่างดูเรียบและจืด แม้ว่าเสียงพากย์จะมีความใกล้เคียงกัน แต่ฉากของการเล่าเรื่องและมุมมองจะมีความแตกต่างกันทำให้มันไม่รู้สึกอินเท่าที่ควร ซึ่งความจริงหากเอาคัตซีนเวอร์ชัน PS3 มาปรับใส่ให้น่าจะดีไม่น้อย
เกมเพลย์
รูปแบบการเล่นก็เข้าใจง่าย เป็นแอ็กชันตะลุยด่านแบบ 3 มิติที่สามารถปรับมุมกล้องได้ โดยเราจะใช้ดาบเลเซอร์เป็นอาวุธหลัก ที่จะสามารถใช้โจมตีศัตรูและยังสานต่อเป็นคอมโบได้ ทุกอย่างดูเข้าใจง่ายแต่ไม่สดใหม่เพราะมันเป็นของเดิมที่ออกวางขายเป็น 10 ปีแล้ว ดังนั้นอย่างเอามาตรฐานเกมยุคใหม่ไปเทียบ โดยภารกิจในฉากจะไม่ซับซ้อนเข้าใจง่ายเน้นกำจัดศัตรูให้หมดฉาก และมีบอสรออยู่ท้ายด่าน ข่าวร้ายก็คือเวอร์ชัน Wii จะมีฉากที่เป็นเส้นตรงมาก และไม่มีความซับซ้อนแค่ต่อสู้ศัตรูให้หมดฉากเท่านั้น
และแน่นอนว่ามันเป็นต้นฉบับบน Wii ที่เน้นลูกเล่นมากกว่าภาพสวย ๆ ทำให้ผู้สร้างมีการใส่การควบคุมบังคับโดยการใช้ Wii Mote แทนการฟันดาบเลเซอร์ แต่ก็เป็นจุดขายในยุคนั้น ส่วนบน Nintendo Switch จะใช้ Joy-con แทนซึ่งก็ทำออกมาได้พอ ๆ กันไม่ได้โดดเด่นกว่า และนอกจากการใช้ระบบโมชันเพื่อดวลดาบแบบทำคอมโบแล้ว ยังมีการเสริมเอาระบบ Quick Time Event มาใช้โดยเราต้องขยับ Joy-con ให้ตรงกับที่เกมกำหนด ฟังดูอาจจะดีแต่รูปแบบนี้ใช้มาเป็น 10 ปีแล้วถือว่ามันดูเชยมากเมื่อเอามาเล่นในปี 2022 แต่หากคุณไม่ชอบแบบจับการเคลื่อนไหวแล้วสามารถใช้จอยเกมปรกติมาเล่นได้ด้วย
สรุป
เป็นที่น่าเสียดายมากที่ทางค่าย EA เลือกเอาเวอร์ชัน Wii มาทำลงบน Nintendo Switch แทนที่จะเป็นเวอร์ชัน PS3 , Xbox360 ทำให้การกลับมาสู่สงครามอวกาศฉบับบ้าพลัง Force ในเกม Star Wars The Force Unleashed ดูอ่อนด้อยและหากไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้กันจริง ๆ แล้วไม่ต้องหามาเล่นก็ได้ เพราะมันดูเชยทั้งกราฟิกและเกมเพลย์ที่ตกยุคไปไกลเป็น 10 ปี
อ่านเพิ่มเติม >>>>> loadgamekung
เกมส์ออนไลน์ได้เงินจริง >>>>> สมัคร