REVIEW Project CARS 3 เกมแข่งรถสมจริงของค่าย Slightly Mad Studios
REVIEW Project CARS 3 เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์เกมแข่งรถสมจริงของค่าย Slightly Mad Studios ที่ประสบความสำเร็จ จนตัวเกมสามารถดำเนินมาไกลถึงสามภาค แต่เกมภาคล่าสุดอย่าง Project CARS 3 มีการเปลี่ยนแปลงทิศทาง
ของเกมใหม่ ซึ่งมีความแตกต่างจากเกมภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด แล้วไดแรกชันใหม่จะทำให้เกมเมอร์ขาซิ่งยอมรับได้หรือไม่ มาพบกับบทความรีวิว Project CARS 3
เกมเพลย์
ก่อนที่เกมจะออกวางจำหน่าย แฟน ๆ หลายคนต่างกังวลว่า Project CARS 3 จะกลายเป็นเกมแนวแข่งรถแบบอาร์เคด จากเดิมที่เป็นเกมแข่งรถแบบสมจริง ซึ่งความกังวลดังกล่าว สุดท้ายก็เป็นเรื่องจริง เพราะเกมภาคนี้ มีการปรับเปลี่ยนระบบเกมเพลย์ใหม่ที่มีความแตกต่างจากเกมภาคก่อนเป็นอย่างมาก
Project CARS 3 จะไม่ใช่เกมแข่งรถแนวสมจริงอีกต่อไป แต่กลายเป็นเกมแข่งรถแบบกึ่งสมจริงกึ่งอาร์เคด ทำให้การควบคุมรถและระบบฟิสิกส์แตกต่างจากภาคก่อน โดยรถจะขับง่ายขึ้น, เลี้ยวง่ายขึ้น, ดริฟท์ง่ายขึ้น, การเล่นเกมจะเหมาะใช้ทั้งคอนโทรลเลอร์กับพวงมาลัย, กฎระหว่างการแข่งขันจะลดความเข้มงวดลง และทุกอีเวนท์จะมี Objective ให้ทำ 3 อย่าง เช่น เข้าเส้นชัยอันดับ 3 ขึ้นไป, ดราฟต์คู่แข่งจำนวน 5 วินาที, ทำ Perfect Corners (เลี้ยวโค้งอย่างสวยงาม) เป็นต้น
นอกจากนี้ ลักษณะการแข่งขันก็เปลี่ยนไปอีกด้วย ในเกมนี้จะไม่มีการแข่งขันรอบ Quilifying, ไม่มีการจอด Pitstop เพื่อเปลี่ยนยางหรือเติมน้ำมัน รวมถึงไม่มีระบบสึกหรอของยางรถยนต์ ทำให้อีเวนท์ประเภทการแข่งขันเกือบทุกชนิด ผู้เล่นสามารถโฟกัสกับการแข่งขันอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการวางแผนเข้า Pitstop หรือเลือกประเภทล้อรถยนต์ระหว่างการแข่งขันอีกต่อไป
ด้วยระบบเกมเพลย์ที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้ประสบการณ์การเล่นเกม Project CARS 3 จะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เร้าใจ ลุ้นระทึก และเข้าถึงเกมเมอร์ที่ชื่นชอบเกมแข่งรถมากยิ่งขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม เพราะฟีเจอร์ต่าง ๆ หลายอย่างถูกตัดออกไปจากเกมภาคก่อน ทำให้ผู้เล่นที่เคยสัมผัส Project CARS ภาคเก่า อาจมีความรู้สึกว่าตัวเกม “เหมือนขาดอะไรไปหลายอย่าง” และแน่นอนว่าด้วยลักษณะเกมเพลย์ที่เปลี่ยนเป็นเกมแข่งรถแนวกึ่งสมจริงกึ่งอาร์เคด ทำให้แฟน ๆ เกมหลายคนอาจรับไม่ได้ หรือรู้สึกเกลียดแนวทางใหม่ของ Project CARS 3 ไปเลย
ส่วนความยากของเกมดังกล่าว ผู้เล่นสามารถกำหนดเองได้อย่างอิสระ โดยเกมเมอร์สามารถเปิด/ปิด ระบบ Assist ต่าง ๆ เช่น เลี้ยวอัตโนมัติ, เปิด Racing Line บอกระยะการเบรกก่อนเข้าเลี้ยว และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงสามารถปรับความยาก และความดุดันของ AI ซึ่งผู้เล่นยิ่งปิดระบบ Assist หรือเพิ่มความยากมากเท่าไหร่ ผู้เล่นจะได้รับรางวัลและค่า EXP สำหรับเลเวลอัพตัวละคร กับเลเวลของรถยนต์ หลังการแข่งขันจบมากกว่าปกติ
เหมือนที่กล่าวไว้ข้างต้น เนื่องจากตัวเกมมีการปรับเปลี่ยนแนวทางใหม่กลายเป็นเกมแข่งรถที่เข้าถึงง่ายขึ้น ก็ทำให้บรรยากาศการแข่งขันดูซีเรียสน้อยลง และเน้นสนุกสนานมากขึ้น ส่วนรางวัลจากการแข่งขันจบจะคล้ายกับ Career Mode คือจะได้รับเงินและค่า EXP สำหรับเลเวลอัพตัวละคร กับเลเวลของรถยนต์ ซึ่งเป็นโหมดที่เหมาะสำหรับคนที่เบื่อโหมด Singleplayer หรือต้องการปะทะฝีมือกับเกมเมอร์คนอื่น
กราฟิก
อีกหนึ่งในจุดที่น่าผิดหวังของ Project CARS 3 คือภาพกราฟิกในเกมไม่มีพัฒนาการจากภาคก่อน และดูเหมือนว่ามีการดาวน์เกรดกราฟิกลงซะด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ Texture ความละเอียดของฉาก แสง เงา จัดว่าไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่นัก เนื่องจากทุกองค์ประกอบของกราฟิก มีคุณภาพระดับเกือบต่ำจนถึงปานกลาง
แม้ลักษณะภาพกราฟิกของเกมโดยรวมจะไม่ได้ดูแย่จนน่าเกลียด เพราะก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าฉากบางฉากมีความสวยงามเป็นธรรมชาติ รวมถึงโมเดลรถบางคันมีรายละเอียดเยอะใช้ได้เลย แต่หากเปรียบเทียบกับเกม Project CARS ภาคสอง และภาคหนึ่ง เราพบว่ากราฟิกของเกมภาคใหม่ มีความเป็น “การ์ตูน” มากยิ่งขึ้น โดยโทนสีของรถยนต์กับฉากหลังจะดูเข้มข้น จัดจ้าน ซึ่งแตกต่างจากภาคก่อน ๆ ที่มีโทนสีเป็น Photorealistic สมจริง ก็ต้องบอกเลยว่าส่วนตัวไม่ชื่นชอบกราฟิกสไตล์ใหม่สักเท่าไหร่นัก
สรุป
เป็นเกมภาคต่อที่พยายามเปลี่ยนแนวทางของเกมใหม่เกือบทั้งหมด เพื่อเกมเมอร์เข้าถึงตัวเกมได้ง่าย และเน้นการเล่นสนุกสนานมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ทีมงานพยายามออกแบบรูปแบบเกมเพลย์ใหม่ให้คนทั่วไปสามารถเอ็นจอยกับเกมดังกล่าว
แน่นอนว่าการสร้าง Project CARS 3 ไปในทิศทางใหม่ ก็ส่งผลลัพธ์ทำให้ตัวเกมสูญเสียเอกลักษณ์ จากดั้งเดิมที่ Project CARS เป็นที่รู้จักในฐานะเกมขับรถแบบสมจริง มีบรรยากาศซีเรียส และเน้นการแข่งขันจริงจัง แต่มาในภาคนี้กลายเป็นเกมแข่งรถแบบกึ่งอาร์เคดกึ่งสมจริง ที่พบเห็นบ่อยในตลาดเกมแข่งรถ ณ ตอนนี้ รวมถึงเนื่องจากตัวเกมออกแบบให้เข้าถึงง่ายขึ้น ก็ทำให้ความใส่ใจในรายละเอียดของระบบ กราฟิก เกมเพลย์ และฟีเจอร์ต่าง ๆ โดนลดทอนจากเกมภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด เราจึงไม่สามารถแนะนำเกมนี้ต่อคนที่แฟนเกมแข่งรถแนวสมจริง หรือแฟนเกม Project CARS แต่ถ้าหากคุณรับได้กับการเปลี่ยนแปลงของภาคนี้ เกม Project CARS 3 จัดว่าเป็นเกมแข่งขันที่โอเคเกมหนึ่งเลยละ
อ่านเพิ่มเติม >>>>> loadgamekung
เกมส์ออนไลน์ได้เงินจริง >>>>> สมัคร